แผ่นกรอง HEPA มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคต่างๆเช่น ฝุ่น PM2.5 และ PM10 มันยังสามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยมในด้านการดักจับอนุภาคนาโนที่รวมถึง เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
สิ่งที่แผ่นกรอง HEPAไม่สามารถทำได้ก็คือทำลายอนุภาคเหล่านั้น ซึ่งนำไปสู่จุดขายทางการตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน บางบริษัทอ้างว่าพวกเขามีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ไม่ปล่อยอนุภาคกลับไปบนอากาศหรือแม้กระทั่งสามารถกำจัดอนุภาคทั้งหมดได้
ตามหลักเหตุผลแล้วมันก็เหมือนจะเป็นอะไรที่ถูกต้อง หากแผ่นกรอง HEPAเป็นตะแกรง ดังนั้น เมื่อคุณสลับด้านอนุภาคมันก็สามารถร่วงตกลงมาได้ นี่คือการถอดความอย่างง่ายๆเมื่อเรากำลังมองว่าแผ่นกรองมันทำงานอย่างไร โดยใช้ตะแกรงและใบชา
แผ่นกรอง HEPA ไม่ได้เป็นตะแกรง
ความจริงก็คือ แผ่นกรอง HEPA ไม่ได้ทำงานแบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับอนุภาคขนาดเล็กละเอียดอย่าง เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย อนุภาคเหล่านี้มีขนาดเล็กมากซึ่งอาศัยแรงปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้มันติดอยู่บนแผ่นกรอง HEPA และแรงปฏิกิริยาทางเคมีนั้นเรียกว่า แรงแวนเดอร์วาลส์ ซึ่งมันก็คือแรงเคมีเดียวกันกับอันที่ทำให้ตุ๊กแกติดอยู่บนพื้นผิวต่างๆได้
ข้อมูลบอกอะไรถึงการปล่อยอนุภาคเป็นพิษกลับสู่อากาศของแผ่นกรอง HEPA
โอเค นั่นก็คือทฤษฎี แต่ไหนล่ะคือสิ่งที่ข้อมูลได้ทำการพิสูจน์เอาไว้ ข่าวดีก็คือ มีนักวิทยาศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่นทำการทดสอบเอาไว้ พวกเขาได้ยิงอนุภาคพลูโตเนียมที่มีขนาด 100-200 นาโนเมตรไปที่แผ่นกรอง HEPA อ้างอิงจากขนาด 100-200 นาโนเมตรมีขนาดคร่าวๆเท่ากับขนาดของอนุภาคเชื้อไวรัสโคโรน่า (60-140 นาโนเมตร)
พวกเขาทำการวัดว่ามันมีปริมาณที่ถูกปล่อยกลับขึ้นไปบนอากาศมากแค่ไหนโดยใช้เวลามากกว่า 20วันในการทดสอบ พวกเขาทำการทดสอบโดยการเป่าลมเข้าไปในเครื่องฟอกอากาศทั้งทางตรงและในทิศทางกลับกัน นักวิทยาศาสตร์วัดแม้กระทั่ง’การเขย่า’ แผ่นกรองจะทำให้อนุภาคหลุดออกมามากขึ้นหรือไม่
พวกเขาพบว่าเมื่อเป่าลมเข้าไปด้านหน้าผ่านแผ่นกรอง ปริมาณอนุภาคที่ถูกปล่อยกลับขึ้นไปบนอากาศนั้นมีน้อยมาก น้อยกว่า 0.03%ของอนุภาคที่ผ่านแผ่นกรอง99.97%นั้นอยู่ดี
แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือเมื่อพวกเขาเป่าลมผ่านแผ่นกรองที่ถูกใช้เป็นอย่างดีในทิศทางกลับกัน ซึ่งในกรณีนี้อนุภาคถูกปล่อยออกมามากกว่า
จริงๆมันก็สมเหตุสมผล เพราะว่าแผ่นกรอง HEPAที่ถูกใช้งานมาพอสมควรแล้วก็มีแนวโน้มที่จะปล่อยอนุภาคกลับขึ้นไปบนอากาศ แต่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อลมถูกเป่าผ่านแผ่นกรองในทิศทางกลับกัน
กรณีนี้มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อยมาก เว้นแต่ว่ามีการนำแผ่นกรองที่ใช้แล้วกลับไปใส่ในเครื่องฟอกอากาศในทิศทางที่ผิดเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ได้ทำข้อสรุปไว้ว่า การเปลี่ยนแผ่นกรองควรทำด้วยความระมัดระวัง
การที่อนุภาคถูกปล่อยจากแผ่นกรอง HEPAกลับไปบนอากาศมีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือไม่
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอนุภาคบางอันสามารถถูกปล่อยกลับไปบนอากาศได้ระหว่างการใช้งาน นอกเหนือจากสิ่งนี้แล้ว ความเสี่ยงต่อสุขภาพนั้นมีน้อยมาก เพราะว่า:
- จำนวนอนุภาคที่ถูกปล่อยกลับขึ้นไปบนอากาศจากการไหลผ่านของลมจากด้านหน้านั้นมีจำนวนน้อยมากกว่าอนุภาคที่จะไหลผ่านแผ่นกรอง HEPA อยู่แล้ว
- หากพูดถึงเชื้อไวรัส พวกมันจะตายภายใน 2-3 ชั่วโมงบนพื้นผิวที่แห้ง นั่นก็หมายความว่า ไวรัสที่หนีอออกจากแผ่นกรอง HEPA จะตายภายในเวลานั้นเช่นกัน
สรุป
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าแผ่นกรอง HEPA สามารถปล่อยอนุภาคจำนวนน้อยกล้บสู่อากาศได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเว้นแต่ว่าคุณใส่แผ่นกรองอีกด้านหนึ่ง และปริมาณเหล่านี้ก็น้อยกว่าอนุภาคที่ HEPA กรองได้ใน 99.97% นั้น
เกี่ยวกับ Smart Air
Smart Air เป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ได้รับการยอมรับโดย B corp ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงมิติทางสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับตำนานที่บริษัทใหญ่ๆที่หวังเพิ่มราคาอากาศบริสุทธิ์
อุตสาหกรรมเครื่องฟอกอากาศนั้นเต็มไปด้วยความต้องการที่จะทำให้อากาศบริสุทธิ์ซับซ้อนและมีราคาแพงเกินความจำเป็น แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น อากาศบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ซับซ้อนเลย เพราะสิ่งเดียวที่ต้องการคือพัดลมและแผ่นกรองอากาศ
บริษัทใหญ่ๆไม่สามารถได้กำไรจากความเรียบง่าย ดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่มลูกเล่นที่ไม่จำเป็นลงไปในเครื่องจักรของเขา
Smart Air ผลิตเครื่องฟอกอากาศแบบเรียบง่ายที่มีการแจกจ่ายข้อมูลอย่างเปิดเผยรองรับการทำงานของเครื่องฟอกอากาศและประสิทธิภาพการทำงานของมันโดยการตัดลูกเล่นทางการตลาดที่แปลกใหม่ออกไป เช่น เครื่องสร้างประจุไอออนและหลอด UV ที่อาจทำให้อากาศของคุณแย่ลง เราสามารถทำให้มีอากาศสะอาดมากขึ้นโดยที่ค่าใช้จ่ายนั้นมีราคาเพียงเศษเสี้ยวของค่าใช้จ่ายที่ “พวกบริษัทใหญ่” จะเรียกเก็บเงินจากคุณ
ติดตามและเพิ่มเราเป็นเพื่อนบนโซเชียลมีเดียเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Smart Air