เหตุผลที่ข้อแนะนำคุณภาพอากาศ จากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ไม่ปลอดภัย

องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ออกข้อแนะนำเกี่ยวกับคุณภาพอากาศและระดับมลพิษในปริมาณที่ปลอดภัยเมื่อปี 2005 แต่ปัญหาก็คือ งานวิจัยที่ใหม่กว่านั้นแสดงให้เห็นว่า ข้อแนะนำเกี่ยวกับคุณภาพอากาศเหล่านั้นไม่ได้มีความปลอดภัยที่แท้จริง

อะไรคือระดับคุณภาพอากาศที่ปลอดภัยตามที่องค์กรอนามัยโลก (WHO) แนะนำ

องค์กรอนามัยโลก (WHO) แนะนำถึงมลพิษทางอากาศทั้ง 5 ตัวนี้ PM2.5, PM10, O3, NO2, SO2 เป็นหลัก สำหรับอนุภาคขนาดละเอียดนั้นจะมีคำแนะนำที่เป็นหน่วยไมโครกรัมในการสัมผัสรายวันและรายปี

Here's Why the WHO Air Quality Guidelines Are Unsafe

อะไรคือสิ่งผิดไปในการแนะนำระดับมลพิษทางอากาศที่ปลอดภัยขององค์กรอนามัยโลก (WHO)

1) งานวิจัยใหม่ล่าสุดทำให้คำแนะนำขององค์กรอนามัยโลก (WHO)ล้าสมัย

เนื่องจากว่าข้อแนะนำเกี่ยวกับคุณภาพอากาศขององค์กรอนามัยโลก (WHO) มีการอัปเดตล่าสุดเมื่อปี 2005  แต่ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมานั้นมันมีการค้นคว้าใหม่มากมายเกี่ยวกับผลกระทบของคุณภาพอากาศต่อสุขภาพของคน การค้นคว้านี้รวมถึงความสัมพันธ์ที่เห็นได้ชัดระหว่างอัตราการตายที่สูงขึ้นและอัตราการเต้นของหัวใจที่ระดับมลพิษที่ต่ำกว่าขีดจำกัดที่แนะนำ นอกจากนี้เรายังได้เรียนรู้เพิ่มเติมว่ามลพิษส่งผลต่อภาวะมีบุตรยาก สุขภาพของทารกแรกเกิด และสุขภาพสมองได้อย่างไร

มีงานวิจัยประมาณ 130,000งานที่ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสุขภาพของเราในช่วงปี 1987 ถึง2005 (ที่องค์การอนามัยโลกได้แก้ไขแนวทางปฏิบัติ 2 ครั้ง) อ้างอิงจากภาพที่เห็นด้านล่างนี้

Air Pollution Effects on Health (1987-2005)

เนื่องจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อปี 2005 แต่ตอนนี้มีข้อมูลใหม่เพิ่มมากขึ้นถึง 177,000 งานวิจัย

Air Pollution Effects on Health (2005-2021)

ในช่วงเวลาของการอัปเดตครั้งล่าสุด ผลกระทบที่ทราบจากมลพิษทางอากาศนั้นถูกประเมินต่ำไปอย่างมาก เนื่องจากมันอาจใช้ระยะเวลานานในการปรับปรุงคำแนะนำเพื่อสะท้อนถึงงานวิจัยใหม่

2) มันไม่ได้มี ‘ระดับปลอดภัย’ ของมลพิษทางอากาศอยู่จริงๆ

งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า มันไม่ได้มี ‘ระดับปลอดภัย’ สำหรับมลพิษทางอากาศแต่อย่างใด เพราะแม้กระทั่งมลพิษที่มีอนุภาคขนาดเล็กก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคมากมายรวมถึงการเสียชีวิตด้วย การให้ข้อมูล ‘ระดับปลอดภัย’ สำหรับมลพิษทางอากาศนั้นอาจเป็นการทำให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยจริงๆ

ในความเป็นจริง งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า มลพิษที่ระดับต่ำมีผลกระทบมากที่สุดต่อร่างกาย

อ่านต่อเพิ่มเติม: ทำไมมลพิษระดับต่ำจึงเป็นอันตรายมากที่สุด

Air Pollution's Effect on Mortality- WHO Air Quality Guidelines are Unsafe

3) องค์กรอนามัยโลก (WHO) ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในปี 2015 และได้รับคำแนะนำให้แก้ไขขีดจำกัดระดับความปลอดภัย

ในปี 2015 องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้จัดงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านคำปรึกษาจากประเทศเยอรมันเพื่อทบทวนข้อแนะนำคุณภาพอากาศของพวกเขาใหม่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้แก้ไขข้อแนะนำของมลพิษทั้ง 5 นั้นใหม่ ( PM2.5, PM10, โอโซน, ไนโตรเจนไดออกไซด์, และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ) เนื่องจากมันมีงานวิจัยใหม่ๆเพิ่มอีกมากมายและข้อแนะนำอันเก่านั้นถูกอัปเดตล่าสุดเมื่อปี 2005 ซึ่งมันนานมามากแล้ว ดังนั้น องค์กรอนามัยโลก (WHO) จึงจำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลใหม่Here's Why the WHO Air Quality Guidelines Are Unsafe

ถึงแม้ว่าจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว แต่องค์กรอนามัยโลก ( WHO ) ก็ยังคงไม่อัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับข้อแนะนำคุณภาพอากาศของพวกเขาอยู่ดี

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว องค์กรอนามัยโลก (WHO) ควรแนะนำค่าระดับปลอดภัยของมลพิษทางอากาศที่เท่าไร

จากตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่า มันไม่มีระดับปลอดภัยในการรับมลพิษทางอากาศอยู่จริง แต่ว่า หากระดับของมันต่ำก็อาจทำให้สุขภาพของคุณมีผลกระทบน้อยลง ทั้งนี้องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้เน้นย้ำถึงเรื่องระดับความปลอดภัยของสารตะกั่วในข้อแนะนำเรื่องสารตะกั่วของพวกเขา และด้านล่างนี้คือสิ่งที่องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้อภิปรายเอาไว้ในเรื่องสารตะกั่ว

WHO Lead Guidelines

เราเชื่อว่าองค์กรอนามัยโลก ( WHO ) ควรอัปเดตข้อแนะนำเกี่ยวกับคุณภาพอากาศให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับงานวิจัยล่าสุดที่อัปเดตแล้ว เน้นย้ำเรื่อง’ระดับความปลอดภัย’ที่จริงๆแล้วไม่ได้ปลอดภัยจริง  การให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับคุณภาพอากาศโดยไม่อธิบายให้แน่ชัดว่ามีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อัปเดตล่าสุดมากมายให้ข้อมูลและหลักฐานชี้ว่าระดับปลอดภัยไม่เป็นความจริงนั้นทำให้ผู้คนได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและผิดไป



สรุป

ข้อแนะนำเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศขององค์กรอนามัยโลก ( WHO ) ก็เป็นเพียงแค่ ข้อแนะนำ เราไม่ควรคิดว่าการที่เราหายใจรับมลพิษไม่เกิดขีดจำกัดนั้นเป็นสิ่งที่พึงพอใจ เพราะหลักฐานข้อมูลมากมายที่ชี้ให้เห็นว่า ระดับที่ต่ำก็ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราอยู่ดี

Smart Air

เกี่ยวกับ Smart Air

Smart Air เป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ได้รับการยอมรับโดย B corp ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงมิติทางสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับตำนานที่บริษัทใหญ่ๆที่หวังเพิ่มราคาอากาศบริสุทธิ์

อุตสาหกรรมเครื่องฟอกอากาศนั้นเต็มไปด้วยความต้องการที่จะทำให้อากาศบริสุทธิ์ซับซ้อนและมีราคาแพงเกินความจำเป็น แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น อากาศบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ซับซ้อนเลย เพราะสิ่งเดียวที่ต้องการคือพัดลมและแผ่นกรองอากาศ

บริษัทใหญ่ๆไม่สามารถได้กำไรจากความเรียบง่าย ดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่มลูกเล่นที่ไม่จำเป็นลงไปในเครื่องจักรของเขา

Smart Air ผลิตเครื่องฟอกอากาศแบบเรียบง่ายที่มีการแจกจ่ายข้อมูลอย่างเปิดเผยรองรับการทำงานของเครื่องฟอกอากาศและประสิทธิภาพการทำงานของมันโดยการตัดลูกเล่นทางการตลาดที่แปลกใหม่ออกไป เช่น เครื่องสร้างประจุไอออนและหลอด UV ที่อาจทำให้อากาศของคุณแย่ลง เราสามารถทำให้มีอากาศสะอาดมากขึ้นโดยที่ค่าใช้จ่ายนั้นมีราคาเพียงเศษเสี้ยวของค่าใช้จ่ายที่ “พวกบริษัทใหญ่” จะเรียกเก็บเงินจากคุณ

ติดตามและเพิ่มเราเป็นเพื่อนบนโซเชียลมีเดียเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Subscribe
Notify of
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Smart Air low cost purifiers

Smart Air เป็นธุรกิจเพื่อสังคม ที่จัดสรรอากาศสะอาดให้คุณอย่างเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด และให้ความรู้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีและป้องกันผลกระทบจากมลพิษอากาศ และเรายังได้รับการรับรองว่าเป็นธุรกิจ B-Corp ในเรื่องของการต่อสู้กับมลพิษทางอากาศอีกด้วย

Certified B-Corp air purifier company