ทำไมโรงพยาบาลควรใช้เครื่องฟอกอากาศในการป้องกัน COVID-19
นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เครื่องฟอกอากาศในโรงพยาบาลจึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก โรงพยาบาลหลายแห่งได้หันมาใช้เครื่องฟอกอากาศป้องกันโควิด 19 เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และอากาศบริสุทธิ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัยในการเข้าใช้บริการ
เครื่องฟอกอากาศสามารถดักจับไวรัสโคโรน่าได้หรือไม่
คำตอบคือ ใช่ และมันสามารถทำหน้าที่ได้ดีมากอีกด้วย
เครื่องฟอกอากาศทุกชนิดที่มีแผ่นกรอง HEPA หรือคุณภาพต่ำกว่านั้นสามารถดักจับอนุภาคของแข็งได้ทุกขนาด รวมถึงอนุภาคขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.1 ไมครอนที่มีขนาดเท่ากับขนาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า
วิธีการเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมสำหรับการใช้ในโรงพยาบาล
หลายบริษัทใช้กลยุทธ์ทางการตลาดหลอกล่อให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องฟอกอากาศราคาแพง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เครื่องเหล่านั้นไม่ได้มีกระบวนการกรองอากาศที่ดีกว่าเลย ดังนั้น ผู้บริโภคอาจเกิดการสับสนว่าควรเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศเพื่อป้องกันโควิด19 อย่างไรให้ถูกต้องและเหมาะสม
1) เครื่องฟอกอากาศทางการแพทย์จำเป็นต่อโรงพยาบาลหรือไม่
คำตอบคือ ไม่จำเป็น เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วแค่มีแผ่นกรอง HEPA ก็สามารถกรองเชื้อไวรัสได้อย่างดีเยี่ยม และคำว่า เครื่องฟอกอากาศทางการแพทย์ ก็เปรียบเสมือนกลยุทธ์ทางการตลาดเท่านั้น
อ่านบทความต่อได้ที่: What Are Medical Grade Air Purifiers?
2) เครื่องฟอกอากาศที่มีแสงอัลตราไวโอเลต ( UV ) และตัวปล่อยประจุไฟฟ้า มีความจำเป็นหรือไม่
สิ่งเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่หลอกให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องฟอกอากาศในราคาที่แพงกว่า เพราะในความเป็นจริงแล้ว แสงอัลตราไวโอเลต( UV ) ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้รวดเร็วอีกทั้งยังเป็นตัวทำลายแผ่นกรอง HEPA เช่นเดียวกันกับตัวปล่อยประจุไฟฟ้า มันไม่สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อชั้นบรรยากาศอีกด้วย
3) แผ่นกรอง HEPA: มาตรฐานสูงสุดในกระบวนการกรองเชื้อไวรัส
กุญแจสำคัญสำหรับเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพก็คือ ตัวแผ่นกรอง HEPA นั่นเอง แผ่นกรองนี้สามารถกำจัดเชื้อไวรัสในอากาศได้มากถึง 99.9% เพราะฉะนั้น อย่าตกเป็นเหยื่อทางการตลาดและโดนหลอกให้ซื้อออพชั่นเสริมที่ไม่จำเป็น
4) วิธีการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ที่ดีที่สุดสำหรับโรงพยาบาล
สิ่งสำคัญในการพิจารณาเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศสำหรับใช้งานในโรงพยาบาล คือ การเลือกแผ่นกรองที่สามารถหมุนเวียนและถ่ายเทอากาศในปริมาณที่เหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์หรือ CADR rating คือตัววัดว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้ปริมาณเท่าใดภายในเวลาที่กำหนดซึ่งสามารถนำไปคำนวนเพื่อเลือกใช้ได้
ศุนย์ควบคุมและป้องกันโรค ( CDC ) แนะนำให้มีการถ่ายเทอากาศ 6-12 ครั้งต่อชั่วโมงเมื่อต้องรับมือกับไวรัสหรือการติดเชื้อในอากาศอื่น ๆ ดังนั้น อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ ( CADR rating ) ที่มีหน่วยเป็นลูกบาศก์ฟุตต่อนาทีหรือลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงของเครื่องฟอกอากาศนั้นควรมีค่ามากกว่า6เท่าของพื้นที่บริเวณโรงพยาบาลที่ต้องการใช้
ยกตัวอย่าง
เครื่องฟอกอากาศของ Smart Air จำนวนมากถูกใช้ในหลายโรงพยาบาลทั่วโลกเพื่อป้องกันและดักจับเชื้อไวรัสโควิด 19 เนื่องจากมีการเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลเพื่อรองรับโรคนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น สุขอนามัยและความสะอาดของพื้นที่และอากาศจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็น ดังนั้น เครื่องฟอกอากาศรุ่น Blast เป็นอีกหนึ่งทางเลือกตัวอย่างที่มีกำลังฟอกอากาศในการป้องกันโรคโควิด19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์จำนวน 890 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ทำให้ Blast มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเปลี่ยนอากาศให้บริสุทธิ์ต่อ1ชั่วโมง
ด้านล่างเป็นภาพที่แสดงถึง เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล Novaliches General
โรงพยาบาลใหญ่ๆในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ใช้เครื่อง Blast ในการป้องการเชื้อไว้รัสโคโรน่า เช่นเดียวกันกับโรงพยาบาลอื่นๆทั่วโลก