ในปัจจุบันนี้มีแนวความคิดที่น่าสนใจอยู่ ก็คือ พืชอาจมีประสิทธิภาพในการกรองVOCอย่าง เบนซินหรือฟอร์มาลดีไฮด์ได้ แต่มันจะสามารถกรองสารเคมีที่เป็นอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ งานวิจัยล่าสุดพบว่า ไม่สามารถตรวจจับความสามารถของพืชในการกำจัดฟอร์มาลดีไฮด์หรือก๊าซอื่นๆที่เป็นมลพิษได้ภายใต้เงื่อนไขการใช้งานจริง
ทำไมคนถึงคิดว่าพืชสามารถกรองฟอร์มาลดีไฮด์ได้
ความเชื่อที่ว่าพืชมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับเครื่องฟอกอากาศนั้นกำลังเป็นที่แพร่หลาย ซึ่งข้อมูลหลักฐานที่กำลังเป็นที่ถกเถียงและอ้างถึงมากที่สุดคือข้อมูลจากงานวิจัยขององค์กรNASAเกี่ยวกับการทดลองใช้พืช เพราะว่ามันดูเหมือนจะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากผู้เชี่ยวชาญ และมีเพจจำนวนมากที่นำมาใช้ในการอ้างอิงอย่างเช่นเพจนี้:
ในความเป็นจริง ข้อมูลในวิกิพีเดียส่วนใหญ่ก็อ้างถึงงานวิจัยของ NASA เกี่ยวกับการทดสอบการใช้พืชในการกำจัดมลพิษต่างๆ เช่น เบนซิน ฟอร์มาลดีไฮด์และไตรคลอโรเอทิลีนในอากาศ
และเพื่อที่จะหาคำตอบที่แท้จริงของคำถามนี้ ผมได้อ่านงานวิจัยต้นฉบับทั้งหมดของNASAและพบว่า การทดสอบพืชของNASAนั้นถูกทดสอบในพื้นที่ที่เล็กและอยู่ในกล่องกระจกที่ถูกปิดอย่างแน่นหนารวมถึงยังล้อมรอบไปด้วยแสงสว่างให้แก่พืช และเพื่อให้เห็นภาพของขนาดมากขึ้น นี่คือหน้าตาและขนาดของห้องจำลองของพวกเขา อันที่อยู่ข้างๆรูปวาดตัวผมนั่นแหละ
ผมไม่รู้ว่าบ้านคุณมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่นี่ไม่เหมือนบ้านผมเลยสักนิด แต่อย่างไรก็ตาม NASAได้แก้ต่างไว้ว่ามันเป็นการประมาณที่พอเหมาะสำหรับยานอวกาศ
ความแตกต่างระหว่างานวิจัยพืชของNASAและบ้านของเรา
การจำลองการทดสอบพืชของNASAมีข้อแตกต่างกับบ้านของเราที่สำคัญอยู่ก็คือ ตอนเริ่มการทดสอบ พวกเขาได้ทำการฉีดสารเคมีต่างๆ (ฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซินและไตรคลอโรเอทิลีน)เข้าไป แต่จริงๆแล้ว ในบ้านของเราไม่ได้มีการทำงานแบบนั้น เพราะแหล่งสารเคมีต่างๆที่ผลิตVOCอย่างฟอร์มาลดีไฮด์จะปล่อยสารเคมีออกมาอย่างต่อเนื่องโดยอาจใช้เวลานานถึง 1-2 ปี
คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญสำหรับพวกเราก็เพราะว่า คำถามจริงๆแล้วคือพืชสามารถกำจัดก๊าซอย่างฟอร์มาลดีไฮด์ในอากาศได้มากเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่า มันสามารถกรองได้หรือไม่ งานวิจัยของNASAโน้มน้าวให้ผมเชื่อว่าพืชสามารถกำจัดสารเคมีอย่างเบนซินและฟอร์มาลดีไฮด์ได้ แต่มันไม่ได้สาธิตว่าพืชสามารถกำจัดก๊าซและสารเคมีให้ออกไปจากบ้านเราได้ต่อเนื่องมากเท่าไร:
2 คำถามที่เราถูกทิ้งให้สับสนจากงานวิจัยของ NASA คือ
- พืชสามารถกำจัดฟอร์มาลดีไฮด์และก๊าซมลพิษไปจากบ้านของเราได้จริงๆหรือไม่และไม่ใช่กำจัดได้เพียงแค่ในกล่องกระจกที่ปิดแน่นขนาด 0.76 เมตรนั้น
- มันมีประสิทธิภาพมากพอที่จะเอาชนะแหล่งสารเคมีที่ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เช่น เมื่อเราซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่หรือของใหม่หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าเพอร์มาเพลสบางประเภท
โชคดีที่มีคนทำการทดสอบเกี่ยวกับผลกระทบของพืชในบ้านจริงๆไว้แล้ว
พืชกรองก๊าซมลพิษได้หรือไม่
นักวิทยาศาสตร์ในประเทศจีน (บทความต้นฉบับ) ได้ทำการทดสอบว่าพืชสามารถกำจัด VOCได้หรือไม่ในห้องทดลองที่มีความคล้ายคลึงกับบ้านจริงๆ พวกเขาใช้ห้องปิดสนิทที่มีขนาด 10ตารางเมตร (30ลูกบาศ์กเมตร) ในการทดสอบ
แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่ตรงตามอุดมคติเท่าไร เพราะว่าห้องนี้ถูกปิดอย่างสนิท ไม่เหมือนกับบ้านของเรา แต่ก็ยังดีที่มีข้อปรับปรุงเพิ่มเติมในการทดสอบนี้มากกว่าของNASA
- มันมีแหล่งผลิต VOC อยู่ตลอดเวลา (ในกรณีนี้ก็คือโต๊ะทำงานนั่นเอง)
- ในระยะ 10 ตารางเมตรนั้นก็นับว่าเป็นห้องที่ใหญ่กว่ากล่องแก้วของ NASA รวมถึงยังมีความเหมือนห้องในบ้านของเรามากกว่า
- ไม่มีแสงที่ส่องไปยังพืชโดยเฉพาะ (ก็เหมือนกับบ้านคนปกติที่ไม่มี)
พวกเขาทำการทดสอบหลายครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพืชที่คนส่วนใหญ่บอกว่ามีประสิทธิภาพในการลด VOC อาทิ ต้นลิ้นมังกร ต้นว่านหางจระเข้ และต้นเศรษฐีเรือนใน
แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ คำตอบก็คือ ระดับVOCเพิ่มจาก .17ppm ไปจนถึง .24ppmในระหว่างการทดสอบ แม้กระทั่งกองทัพพืชที่บอกว่าสามารถช่วยลดมลพิษได้ยังไม่สามารถรับมือกับก๊าซมลพิษที่มาจากเฟอร์นิเจอร์ของออฟฟิศได้เลย
ข้อควรระวัง
- มีพืชบางชนิดที่สามารถปล่อยVOCออกมาได้จริงเหมือนกับที่ดินสามารถทำได้ ดังนั้นมันก็มีความเป็นไปได้ว่าที่ระดับ VOCเพิ่มขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากพืช
- ทีมนักวิจัยของประเทศจีนอ้างว่าเป็นการทดสอบฟอร์มาลดีไฮด์ แต่เครื่องตรวจจับนี้ไม่ได้มีความสามารถในการตรวจจับเฉพาะสิ่ง มันตรวจสอบได้แบบรวมๆคือ VOC (VOC เป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ เพราะมันรวมถึง สารจากน้ำหอม แอลกอฮอลล์ และฟอร์มาลดีไฮด์) ดังนั้น เราจะไม่รู้เลยว่ามันกำลังตรวจจับ VOC อันไหนกันแน่ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มันมีความเป็นไปได้ที่พืชเหล่านี้กำลังช่วยลดVOCที่เป็นอันตรายอย่าง เบนซิน แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่ม VOC ที่ไม่เป็นอันตรายเช่นกัน
- พวกเขาใช้พืชผิดประเภทหรือไม่ มันมีหลักฐานที่ว่าผลกระทบที่เกิดกับVOCนั้นมีส่วนมาจากประเภทของพืชเช่นกัน นักวิจัยเหล่านี้เจาะจงเลือกประเภทของพืชที่คนอ้างว่ามันมีประสิทธิภาพในการลดมลพิษ แต่ผลลัพธ์ก็อาจแตกต่างออกไปได้เมื่อใช้พืชประเภทอื่น
สรุป
การทดสอบของ NASA ในกล่องปิดขนาดเล็กแสดงให้เห็นว่าพืชสามารถลดฟอร์มาลดีไฮด์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในบ้านและออฟฟิศจริงๆมักจะมีแหล่งที่ปล่อยฟอร์มาลดีไฮด์และVOCอื่นๆอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ทั้งการทดสอบนี้และการทดสอบในห้องขนาดใหญ่กว่าที่เหมือนในบ้านจริงได้ให้เหตุผลไว้ว่า พืชมีอิทธิพลต่อ VOCเล็กน้อยมากและมันไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนภายใต้เงื่อนไขการใช้งานจริง
มีหลักฐานที่แสดงว่าพืชช่วยลดฟอร์มาลดีไฮด์หรือไม่
ผมอาจพูดได้ว่ามีบางคนที่อ้างว่าพืชมีประสิทธิภาพในการทดสอบจริง เช่น นักวิจัยเหล่านี้อ้างว่า พืชในกระถางทั้ง9ต้นในห้องเรียนที่ประเทศโปรตุเกสนี้สามารถลดอนุภาคได้ 30% และลดระดับVOCได้ถึง 73%
อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมีจินตนาการเพิ่มขึ้นนะ จากข้อมูลที่ผมได้อ่านมา สรุปได้ว่า มันไม่มีหลักฐานมากพอที่จะสนับสนุนความคิดที่ว่า พืชสามารถลดVOCหรืออนุภาคอื่นๆในความเป็นจริงได้ และในขณะเดียวกัน ผมคิดว่าเรายังต้องการการทดสอบแบบจริงๆในชีวิตมากกว่านี้อีก
จากการให้หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าพืชสามารถกำจัดVOCอันตรายบางชนิดในห้องที่ปิด ผมอาจจะวางพืชผิดที่ที่บ้านก็เป็นได้ แต่จริงๆพวกมันก็ไม่ได้เป็นอันตรายอะไร แถมมันยังสามารถช่วยเรื่องก๊าซมลพิษได้อีก ดังนั้นการมีมันอยู่ที่บ้านก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ
อ่านต่อเพิ่มเติม: พืชสามารถกรองPM2.5และมลพิษในอากาศอื่นๆในบ้านของเราได้หรือไม่
เกี่ยวกับ Smart Air
Smart Air เป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ได้รับการยอมรับโดย B corp ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงมิติทางสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับตำนานที่บริษัทใหญ่ๆที่หวังเพิ่มราคาอากาศบริสุทธิ์
อุตสาหกรรมเครื่องฟอกอากาศนั้นเต็มไปด้วยความต้องการที่จะทำให้อากาศบริสุทธิ์ซับซ้อนและมีราคาแพงเกินความจำเป็น แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น อากาศบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ซับซ้อนเลย เพราะสิ่งเดียวที่ต้องการคือพัดลมและแผ่นกรองอากาศ
บริษัทใหญ่ๆไม่สามารถได้กำไรจากความเรียบง่าย ดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่มลูกเล่นที่ไม่จำเป็นลงไปในเครื่องจักรของเขา
Smart Air ผลิตเครื่องฟอกอากาศแบบเรียบง่ายที่มีการแจกจ่ายข้อมูลอย่างเปิดเผยรองรับการทำงานของเครื่องฟอกอากาศและประสิทธิภาพการทำงานของมันโดยการตัดลูกเล่นทางการตลาดที่แปลกใหม่ออกไป เช่น เครื่องสร้างประจุไอออนและหลอด UV ที่อาจทำให้อากาศของคุณแย่ลง เราสามารถทำให้มีอากาศสะอาดมากขึ้นโดยที่ค่าใช้จ่ายนั้นมีราคาเพียงเศษเสี้ยวของค่าใช้จ่ายที่ “พวกบริษัทใหญ่” จะเรียกเก็บเงินจากคุณ
ติดตามและเพิ่มเราเป็นเพื่อนบนโซเชียลมีเดียเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม