ทำไม The Sqair เครื่องฟอกอากาศ Smart Air รุ่นล่าสุด ถึงเลือกใช้แผ่นกรองอากาศ H11 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติในการกรองอากาศต่ำกว่าเมื่อเทียบกับแผ่นกรองอากาศ H12 และ H13 จากการทดสอบพบว่า แผ่นกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกรองอากาศต่ำกว่า จะช่วยให้เครื่องกรองอากาศสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
แน่นอนว่าบริษัทชั้นนำจะใช้เทคนิคการตลาดที่ดึงดูดลูกค้าให้ซื้อแผ่นกรองอากาศรุ่นใหม่ล่าสุด และหลากหลายบริษัทชั้นนำบนเว็บไซต์ของ Amazon หรือ Taobao มักจะชักชวนลูกค้าให้ซื้อแผ่นกรองอากาศที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเพียงฟังก์ชั่นที่เพิ่มเติมขึ้นมาเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการกรองอากาศเพียงอย่างใด
แต่อันไหนล่ะที่ดีที่สุด? ใครๆต่างก็เข้าใจว่าเกรดยิ่งสูงเท่าไหร่ คุณภาพยิ่งดีเท่านั้น อย่างที่หลายๆคนเชื่อว่าเครื่องฟอกอากาศที่ดีคือเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองอากาศ HEPA เกรดสูงหรือมีฟังก์ชั่นหลากหลายที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของแผ่นกรองอากาศ แต่ความจริงนั้นน่าสนใจกว่าความเชื่อนั้น
ความเชื่อ: เกรดยิ่งสูง คุณภาพยิ่งดี
ถึงแม้ว่าแผ่นกรองเตาเผาสามารถดักจับอนุภาคนาโนได้ แต่แผ่นกรองที่มีเกรดสูงจะดีกว่าจริงหรือไม่?
ทำไมเราจึงใช้แผ่นกรองอากาศที่กรองได้ 99.9% ในเมื่อเราสามารถเลือกใช้แผ่นกรองที่สามารถกรอง 99.999% ได้ ซึ่งมันมีอยู่จริง ๆ ในท้องตลาด
ซึ่งปัญหาของตรรกะนี้คือ แผ่นกรองอากาศที่มีคุณภาพสูงมักจะมีต้นทุน และต้นทุนก็คือการหมุนเวียนอากาศ
โดยแผ่นกรองอากาศ HEPA คุณภาพสูงสามารถดักจับอนุภาคได้มากขึ้น แต่จะมีอากาศไหลเวียนน้อยลง ดังนั้น เราจึงเห็นช่องโหว่ระหว่าง การหมุนเวียนอากาศและการดักจับอนุภาค
แผ่นกรองอากาศ HEPA รุ่นไหนทำงานได้ดีที่สุด?
Smart Air ก่อตั้งบนความคิดริเริ่มขึ้นในการใช้ข้อมูลเพื่อตั้งคำถามกับความเชื่อเดิมๆ ดังนั้นเราจึงทดลองใช้สินค้าจริงเพื่อทดสอบทฤษฎีนี้ และเราก็ได้ออกแบบเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ล่าสุดคือ The Sqair นั่นเอง
เพื่อหาคำตอบ เราได้ทดลองใช้เครื่องฟอกอากาศ The Sqair กับแผ่นกรองอากาศ H11 และ H12 เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการกรองอากาศของทั้ง 2 รุ่น
จากนั้นเราทำการทดสอบประสิทธิภาพ 6 วิธี (โดยการทดสอบค่าอากาศบริสุทธิ์ หรือ CADR) เพื่อดูว่าแบบใดทำงานได้ดีที่สุด
ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่คาดไว้ แผ่นกรองอากาศ H11 สามารถกรองอากาศได้สะอาดกว่าแผ่นกรองอากาศ H12 ถึง 27% ถึงแม้ว่า H11 จะดักจับอนุภาคได้น้อยกว่าในการกรองอากาศเพียงครั้งเดียว
ทำไมเครื่องกรองอากาศ Sqair จึงมีประสิทธิภาพในการกรองอากาศมากกว่า แม้ใช้แผ่นกรองเกรดที่ต่ำกว่า
แม้ว่าแผ่นกรองอากาศ H11 ดักจับอนุภาคได้น้อยกว่า แต่ทำไมถึงสามารถกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า?
คำตอบคือแรงต้านทานอากาศของแผ่นกรองอากาศ H11 โดยลองสมมุติว่าคุณมีกระชอนอยู่ 2 อัน
เห็นได้ชัดเจนว่ากระชอนแบบละเอียดสามารถกรองใบชาได้ดีกว่า ในขณะที่กระชอนหยาบจะกรองน้ำชาอย่างรวดเร็วกว่า แต่ข้อเสียคือใบชาอาจจะไม่ถูกกรองในบางส่วน
สมมุติว่ากระชอนแบบละเอียดใช้เวลาในการกรองนานกว่าถึงเท่าตัวเมื่อเทียบกับกระชอนแบบหยาบ ดังนั้นเราสามารถใช้กระชอนแบบหยาบชิ้นที่สองไว้ข้างใต้ชิ้นแรก เพื่อประสิทธิภาพในการดักจับใบชาได้มากขึ้น
เช่นเดียวกับการทำงานของแผ่นกรองอากาศ H11 ที่จะปล่อยผ่านอนุภาคให้ผ่านแผ่นกรองอากาศในชั้นแรก และเมื่ออากาศได้ผ่านชั้นที่สอง แผ่นกรองอากาศจะดักจับอนุภาคอีก 95% โดยการดักจับอนุภาคของแผ่นกรองอากาศทั้ง 2 ชั้น สามารถกรองอากาศได้กว่า 99.75% (แผ่นกรองอากาศชั้นแรกสามารถกรองอากาศได้ถึง 95% และแผ่นกรองอากาศชั้นที่ 2 ก็สามารถกรองอากาศอีก 95% ของอากาศ 5% ที่ไม่ได้ผ่านการกรองในชั้นแรก) ในขณะที่แผ่นกรองอากาศ H12 สามารถกรองอากาศได้เพียง 99.5% เท่านั้น
การทดสอบการไหลอากาศของ HEPA H11 และ H12
ทดสอบโดยใช้แอนิโมมิเตอร์ หรือ เครื่องวัดความเร็วลม ในการตรวจสอบแม่นยำอีกครั้ง เพื่อทดสอบความเร็วของอากาศที่ออกมาจากเครื่องฟอกอากาศ The Sqair
จากการทดลองแสดงให้เห็นว่าแผ่นกรองอากาศ H11 สามารถกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแผ่นกรองอากาศ H12สรุป: H11 หรือ H12 ดีกว่ากัน?
แผ่นกรองอากาศ H11 มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคนาโนด้วยหรือไม่?
เครื่องกรองอากาศ Sqair สามารถดักจับอนุภาคนาโนได้เช่นกัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์สุดทึ่งของหลักการเคลื่อนที่ของอนุภาคในของไหล โดยการทำงานของการดักจับอนุภาคนาโนของแผ่นกรองอากาศนั้นน่าสนใจเลยทีเดียว
แผ่นกรองอากาศรุ่น H11 ราคาต่ำกว่าไหม?
ขณะที่เรากำลังพัฒนาเครื่องกรองอากาศ The Sqair เราได้ตั้งข้อสงสัยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แผ่นกรองอากาศทั้ง 2 รุ่นกลับมีกระบวนการผลิตเดียวกัน ต่างกันเพียงแค่ความหนาแน่นของเส้นใยในการผลิตเท่านั้น ดังนั้นแผ่นกรองอากาศ H11 จึงไม่ได้มีต้นทุนต่ำกว่ากันเลย