โรงพยาบาลในบังคลาเทศป้องกันโควิดด้วยเครื่องฟอกอากาศ Sqair

เมื่อสถานการณ์โควิดลามไปถึงบังกลาเทศ โรงพยาบาลในเมืองหลวงอย่างธากา ก็ได้สร้างห้องแยกผู้ป่วยโควิดอย่างรวดเร็ว โดยใช้เตียงในโรงพยาบาล ฉากกั้นพลาสติก และเครื่องฟอกอากาศ Sqair 

หลังจากการระบาดของโควิด 19 หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้โรงพยาบาลแยกผู้ป่วยโควิดออกจากกัน โดยใช้ห้องแยกเชื้อในอากาศ (AIIR) ซึ่งห้องเหล่านี้เป็นห้องเดี่ยวที่มีระบบความกดอากาศติดลบเพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัส

อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลและสถานพยาบาลขนาดเล็กมีความสามารถจำกัดในการจัดหาห้อง AIIR ให้กับผู้ป่วยได้ ดังนั้นโรงพยาบาลจึงต้องคิดค้นวิธีใหม่ๆ ในการลดการแพร่กระจายของไวรัสโดยใช้แผ่นกรองอากาศ HEPA

สร้างห้องแยกผู้ป่วยโควิดด้วยเครื่องฟอกอากาศ Smart Air

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ ได้คิดค้นทางออกเพื่อสร้างห้องแยกผู้ป่วยจากโรคโควิด 19 ด้วยวิธีสุดสร้างสรรค์ โดยโรงพยาบาลทหารรวมแห่งนี้ (CMH) สร้างห้องแยกผู้ป่วยแต่ละรายโดยการกั้นเตียงออกจากกันด้วยฉากพลาสติก และติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ  Sqair ของ Smart Air ไว้ในแต่ละห้อง โดยเครื่องฟอกอากาศ Sqair จะกรองเชื้อไวรัส COVID-19 ในอากาศเพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส

การคิดค้นครั้งนี้ได้เผยแพร่โดยยังสำนักข่าวหลายๆแห่งในบังกลาเทศ เช่น Ekattor TV และ ช่อง 24 (ในบังกลาเทศ)

แผ่นกรอง HEPA ช่วยลดการแพร่กระจายของไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มีงานวิจัยมากมายแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของแผ่นกรองอากาศ HEPA ในเรื่องของการกำจัดไวรัส เช่น การกรองเชื้อโควิด 19 การวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า การติดตั้งแผงกั้นพลาสติกเพื่อสร้างห้องแยกเชื้อสามารถป้องกันอนุภาคไวรัสในอากาศจากการแพร่กระจายภายนอกและปนเปื้อนสู่ผู้อื่นได้มากถึง 80% ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อใช้แผ่นกรอง HEPA ควบคู่เพื่อกรองอนุภาคไวรัสในอากาศด้วยแล้ว จะส่งผลให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมากกว่า 99% เลยทีเดียว

เครื่องฟอกอากาศจะกรองแบคทีเรียและไวรัสออกจากอากาศและสร้างแรงดันลบที่ฉากกั้นพลาสติก เพื่อบังคับให้อนุภาคอยู่ภายในพื้นที่ที่แยกเอาไว้ อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อฉากกั้นพลาสติกไม่มีรูรั่ว และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ HEPA ทั้งภายใน (ใกล้เตียงผู้ป่วย) และภายนอก เพื่อความสามารถในการครอบคลุมทั้งในห้องผู้ป่วยแยกและภายในตึกผู้ป่วย

กราฟด้านล่างแสดงประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในการกำจัดไวรัสและอนุภาคในอากาศ และเมื่อปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศ จะเห็นได้ว่าปริมาณอนุภาคในอากาศเพิ่มขึ้นกว่า 16 เท่า

จากตัวอย่างของการเปลี่ยนห้องผู้ป่วยทั่วไปให้เป็นห้องแยกผู้ป่วยสำหรับการรักษาโควิด 19 ในโรงพยาบาลทหารรวม เมืองธากา สามารถนำไปใช้ได้จริงในโรงพยาบาลทั่วไป การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ HEPA ทั้งภายในห้องแยกและภายในตึกผู้ป่วยจะช่วยลดการแพร่กระจายของไวรัส COVID-19 ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Smart Air

Smart Air เป็นธุรกิจเพื่อสังคม ที่อุทิศตนเพื่อปกป้องสุขภาพของผู้คนนับล้านทั่วโลก โดยจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศที่เรียบง่าย มีประสิทธิภาพ ในราคาย่อมเยา

โรงพยาบาลหลายๆแห่งทั่วโลกใช้เครื่องฟอกอากาศของ Smart Air เพื่อช่วยดักจับไวรัสในโรงพยาบาล เครื่องฟอกอากาศของ Smart Air ประกอบด้วยแผ่นกรอง HEPA ซึ่งสามารถดักจับไวรัสได้ 99.9% รวมถึงอนุภาคอื่นๆที่มีขนาดเท่ากับไวรัสโคโรนา

เช่น โรงพยาบาลใหญ่ๆ ในเมืองมะนิลา ต่างใช้เครื่องฟอกอากาศรุ่น Blast เพื่อป้องกันไวรัส

ทำไมโรงพยาบาลถึงเลือก Smart Air

เครื่องฟอกอากาศ Smart Air มีอัตราการส่งผ่านอากาศสะอาด (CADR) สูง ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศของ Smart Air อย่างรุ่น Blast จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีอยู่ทั่วไปในโรงพยาบาล ยิ่งไปกว่านั้น  Blast มีปริมาณอากาศสะอาดมากกว่าเครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่ในตลาดถึง 50% ซึ่งจะช่วยให้อากาศบริสุทธิ์หมุนเวียนได้อย่างรวดเร็ว โดย Blast มีค่า CADR สูงสุดอยู่ที่ 890 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งกรองอากาศได้เท่ากับเครื่องฟอกอกาศ Blue Air 203 3.4 เครื่อง และยังมีราคาถูกกว่า Blue Air เพียงเครื่องเดียวอีกด้วย

เนื่องจากปีที่ผ่านมานี้ เป็นปีที่ยากมากๆสำหรับโรงพยาบาลทั่วโลก Smart Air จะยังคงให้การสนับสนุนโรงพยาบาลในการลดความเสี่ยงจาก COVID-19 ด้วยเครื่องฟอกอากาศที่ประหยัดต้นทุนและยังจัด workshop เพื่อการศึกษาให้ฟรีอีกด้วย

Smart Air คือใคร

Smart Air เป็นธุรกิจเพื่อสังคม ที่อุทิศตนเพื่อปกป้องผู้คนจากอันตรายในอากาศที่เรามองไม่เห็น Smart Air จำหน่ายเครื่องฟอกอากาศที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านความคุ้มค่า มีเสียงเบา และความน่าเชื่อถือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Smart Air