(ภาษาไทย) 6 ประโยชน์เครื่องฟอกอากาศ ใช้แล้วช่วยให้สุขภาพดีขึ้น
Sorry, this entry is only available in Thai.
Sorry, this entry is only available in Thai.
Sorry, this entry is only available in Thai.
Sorry, this entry is only available in Thai.
องค์กรอนามัยโลก (WHO) เห็นพ้องร่วมกันว่าอัตราการเสียชีวิตนั้นมีสาเหตุที่หลากหลายจากมลพิษทางอากาศรวมถึงข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ามันสามารถฆ่าผู้คนด้วยวิธีการที่น่าประหลาดใจ โรคหอบหืด โรคมะเร็งปอดและโรคถุงลมโป่งพองมักเป็นสิ่งแรกๆที่เรานึกถึงเมื่อพูดถึงมลพิษทางอากาศ แต่จริงๆแล้วปัญหาสุขภาพปอดนั้นเป็นเพียงปัญหาเล็กๆที่มีสาเหตุมาจากมลพิษทางอากาศ เล็กมากจนไม่ถึงครึ่งนึงของปัญหาที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำ ผู้คนเสียชีวิตด้วยสาเหตุจากมลพิษทางอากาศได้อย่างไร กราฟนี้แสดงให้เห็นถึง 3หมวดหมู่หลักๆที่มีสาเหตุการเสียชีวิตมาจากมลพิษทางอากาศ คุณคิดว่าจะมีอะไรในนั้นบ้าง ความคิดแรกของผมคือ โรคมะเร็งปอด แต่ผลการสำรวจแสดงว่าอย่างไรกันแน่ ผลลัพธ์คือมันมีแค่ 14% เท่านั้น! ไม่ได้เยอะมากเท่าที่ผมคิดเอาไว้เลย โอเค โรคมะเร็งปอดเป็นเพียงแค่หนึ่งในปัญหาของโรคปอด แล้วโรคอื่นๆอย่าง โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมอักเสบและโรคทางปอดอื่นๆล่ะ อืมม เราก็ยังพบอัตราการเสียชีวิตเพียงแค่ 28% ที่มีสาเหตุมาจากมลพิษทางอากาศเท่านั้นเอง แล้วอย่างนั้นอะไรคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้กราฟอันใหญ่สีน้ำเงินนั้นกันแน่นะ คำตอบก็คือ หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคอื่นๆในเส้นเลือดของเรานั่นเอง จริงหรอเนี่ย โรคปอดยังดูสมเหตุสมผลมากกว่าเสียอีกเนื่องจากว่ามันคือที่ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนอากาศ แต่ดูเหมือนว่าเรากำลังมองผิดทิศทางอยู่และจริงๆแล้วเราควรมองตรงนี้ตังหาก มลพิษทางอากาศมีผลกระทบต่อหัวใจและเส้นเลือดของเราจริงหรอ : นี่คือ 3 จุดสำคัญในการพิสูจน์ความจริง 1. คนส่วนมากมีอาการหัวใจวาย ณ วันที่มีมลพิษทางอากาศในระดับที่แย่มาก งานวิจัยของบอสตัน พบว่า วันที่มีอนุภาคมลพิษทางอากาศสูง (เส้นสีน้ำเงิน) จะมีผู้คนเกิดอาการหัวใจวายเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เราไม่ได้พูดถึงการระบาดขนาดกว้างของอาการหัวใจวายเพราะอัตราต่อรองพื้นฐานของอาการหัวใจวายในแต่ละวันนั้นมีค่าต่ำรวมถึงมันอาจเป็นเพียงหนึ่งในล้านที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น …
เราสูดอากาศที่เป็นพิษเข้าไปในร่างกายมากแค่ไหนในแต่ละวัน หน้ากากและเครื่องฟอกอากาศมีประโยชน์กับสุขภาพของเราจริงหรือ เรามีความต้องการใช้ทั้งสองอย่างเลยหรือไม่ คำตอบก็คือ เราใช้ชีวิตที่ไหนและอย่างไรมากที่สุดในแต่ละวัน มันมีทฤษฎีที่เป็นไปได้อยู่ 2 อย่าง: การสวมใส่หน้ากากอาจดูมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อคุณใช้ชีวิตอยู่ในที่แจ้งเพราะโดยปกติแล้วจะมีค่า PM2.5 สูงกว่าพื้นที่ในสถานที่ปิด ( เกือบมากกว่า 2 เท่าด้วยซ้ำจากผลการทดสอบที่เราทำมา ) แต่ในทางกลับกัน เรามักจะใช้ชีวิตในสถานที่ปิดมากกว่า หรือนั่นอาจหมายความว่า เครื่องฟอกอากาศจะเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ในการจะหาคำตอบสำหรับคำถามนี้ ผมจึงต้องการค้นคว้าว่า เราสูดอากาศที่สกปรกเข้าไปมากน้อยเพียงใดในแต่ละวัน เราออกไปเที่ยวที่ไหนมากที่สุด อ้างอิงสถิติจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐ (US Bureau of Labor) นี่คือสถิติโดยประมาณของคนทำงานที่มีอายุระหว่าง 25-45 ปี ใน 4 สถานที่ที่พวกเขาใช้ชีวิตมากที่สุด อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่ ( Out and About คือสถานที่เช่น ร้านอาหาร, โรงภาพยนต์และสถานที่ออกกำลังกาย) จริงๆแล้วมันก็เหมือนกับชีวิตของผมเลยนะ ส่วนใหญ่แล้วผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในบริษัทหรือที่บ้านในการนอน (อย่าหาว่าผมขี้เกียจเลย!) ส่วนมากแล้วพวกเราไม่สามารถควบคุมการสูดอากาศเข้าไปในร่างกายได้ที่ร้านอาหาร บาร์ หรือสถานที่ออกกำลังกาย แต่เราสามารถควบคุมการสูดอากาศเข้าไปในร่างกายได้ที่บ้าน …