แผ่นกรอง HEPA นั้นเป็นที่ถกเถียงกันว่ามันอาจจะปล่อยเส้นใยเล็กๆที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพออกมา แต่การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดได้แสดงให้เห็นแล้วว่าแผ่นกรอง HEPA นั้นปลอดภัยและไม่มีหลักฐานว่าเป็นอันตราย
เป็นไปได้ว่าการปล่อยเส้นใยออกมานั้นทำให้คนเกิดความกังวลเกี่ยวกับแผ่นกรอง HEPA และตั้งคำถามว่า “แผ่นกรอง HEPA ปลอดภัยหรือเปล่า” มีการถกเถียงกันเกิดขึ้นว่าอนุภาคของไฟเบอร์กลาสนั้นสามารถทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับปอดหรือมะเร็งได้หรือไม่ บางคนก็กังวลว่าเส้นใยในแผ่นกรอง HEPA จะแตกตัวไปอยู่ในอากาศและเข้าไปในปอดได้
แล้วแผ่นกรอง HEPA นี่มันอันตรายจริงหรือ? มาแบ่งคำถามที่ว่าแผ่นกรอง HEPA นั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ออกเป็นหัวข้อย่อยๆสองข้อกัน
1. เส้นใยจากแผ่นกรอง HEPA สามารถแตกตัวออกและเข้ามาในร่างกายเราได้หรือไม่
ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการค้นคว้าว่าเส้นใยที่มีขายอยู่ในท้องตลาดนั้นปล่อยเส้นใยออกมาทั้งในห้องแล็บและในสภาพแวดล้อมจริงหรือไม่ พวกเขาได้ทำการทดลองกับแผ่นกรองไฟเบอร์กลาสและแผ่นกรองที่ทำมาจากเส้นใยพลาสติก (polycarbonate และ polyester) แผ่นกรองทั้งสองประเภทถูกทดสอบว่าดักจับอนุภาคในอากาศได้ 95%( แผ่นกรอง H11 HEPA หรือ MERV 16)
ในห้องแล็บ พวกเขาได้เป่าอากาศบริสุทธิใส่แผ่นกรองทั้งสองประเภทเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันนั้นพวกเขาก็ได้ทำการดักจับและตรวจวัดจำนวนเส้นใยที่แตกตัวออกมาจากแผ่นกรองและลอยไปในอากาศ
แต่เดี๋ยวก่อน เส้นใยที่แตกตัวออกมาจากแผ่นกรอง HEPA นั้นคงจะเล็กมากเลยทีเดียว แล้วพวกนักวิทยาศาสตร์รู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาสามารถตรวจจับเส้นใยที่ออกมาจากแผ่นกรองได้จริง
เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถตรวจจับเส้นใยได้ นักวิทยาศาสตร์จึงได้ใช้แผ่นกรองขนาดเล็กที่มีช่องเพียงแค่ 0.4 ไมครอน เส้นใยที่แตกตัวออกมาจากแผ่นกรองนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 1.5 ไมครอนและยาว 24 ไมครอนโดยเฉลี่ย ซึ่งนั่นใหญ่เป็น 50 เท่าของช่องของแผ่นกรองที่ใช้ในการดักจับ
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเขาสามารถดักจับเส้นใยที่ออกมาจากแผ่นกรองได้ พวกเขาดักจับเส้นใยได้ 300 อนุภาคต่ออากาศหนึ่งลูกบาศก์เมตรจากแผ่นกรองสังเคราะห์ และอีก 700 อนุภาคจากแผ่นกรองไฟเบอร์กลาส
เปรียบเทียบเส้นใยจากแผ่นกรอง HEPA ในอากาศทุกๆวันของเรา
เส้นใย 700 เส้น อาจจะฟังดูเยอะ แต่เราลองมาเปรียบเทียบกับ PM2.5 กันดู อนุภาคของเส้นใยจากแผ่นกรอง HEPA มีขนาดประมาณเดียวกับ PM2.5 และ PM2.5 นั้นก็มีอยู่ในอากาศที่เราหายใจเข้าไปทุกวัน
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ตั้งลิมิตต่อปีของ PM2.5 อยู่ที่ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยการใช้สูตรง่ายๆก็จะทราบว่านั่นเท่ากับ 25,225 อนุภาคของ PM2.5 ต่อลูกบาศก์เมตร หรือเทียบเท่ากับ 35 เท่าของที่แผ่นกรองได้ปล่อยออกมา
เรามาลองเปรียบเทียบกับเมืองที่สะอาดที่สุดในโลกกัน อย่างเช่น เมือง Bredkalen ในสวีเดน หรือเมือง Sinclair ในสหรัฐอเมริกา เมืองพวกนี้มี PM2.5 อยู่ที่ 2 ไมโครกรัมต่อปีโดยเฉลี่ย ซึ่ง 2 ไมโครกรัมนั้นเท่ากับ 7 เท่าของอนุภาคขนาดเล็กที่จะออกมาจากแผ่นกรอง HEPA
สรุปสั้นๆก็คือ แผ่นกรองจากเครื่องฟอกอากาศนั้นปล่อยเส้นใยออกมาจริง แต่จำนวนเส้นใยที่ออกมานั้นน้อยมากๆ ยิ่งไปกว่านั้น นักวิจัยได้ค้นพบว่าจำนวนเส้นใยที่ปล่อยออกมาจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปอีกด้วย
2. เส้นใยขนาดจิ๋วที่เราหายใจเข้าไปเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่
แผ่นกรอง HEPA ปล่อยเส้นใยออกมาน้อยมากก็จริง แต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า HEPA นั้นปลอดภัย เราจำเป็นต้องมั่นใจว่าเส้นใยเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเราจริงๆเวลาที่เราหายใจสูดมันเข้าไป บางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นอันตรายเพราะมันมีขนาดที่เล็กและยาวซึ่งอาจจะไปติดอยู่ในหลอดลมหรือปอดของเรา ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่น เส้นใยจากแร่ใยหินที่มีอันตรายมากกว่าอนุภาคทั่วไป
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่เส้นใยจะเกิดความเสียหายที่กลับสภาพเดิมไม่ได้
นักวิจัยหลายท่านได้ทำการศึกษาผลกระทบของไฟเบอร์กลาสที่มีต่อสุขภาพ ทว่าก็ยังไม่ได้ข้อตกลงว่าเส้นใยนั้นเป็นอันตรายหรือไม่ มีการค้นคว้าหนึ่งจาก American College of Chest Physicians (วิทยาลัยแพทย์ทรวงอก) ที่ได้ศึกษาดูผลกระทบจากเส้นใยในปอดของสัตว์และมนุษย์ หลังจากการวิเคราะห์กว่า 30 การทดลอง หมู่แพทย์ก็ได้สรุปว่าไฟเบอร์กลาสอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองในปอด อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ค้นพบว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่มันจะเป็นเหตุของมะเร็งหรือความเสียหายทางสุขภาพที่คืนกลับไม่ได้ พวกเขาได้สรุปว่าไฟเบอร์กลาสนั้นถูกจัดอยู่ในประเภทฝุ่นที่ทำให้เกิดความระคายเคือง
งานวิจัยเผยว่าความเสี่ยงต่อมะเร็งในระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นจากเส้นใย
อย่างไรก็ตาม รายงานอื่นๆ [1, 2] ได้มีหลักฐานของอันตรายที่เกิดจากเส้นใย มีการวิจัยหนึ่งได้ศึกษาคนงาน 32,110 คนในสหรัฐอเมริกา พวกเขาศึกษาดูผลกระทบที่เกิดจากไฟเบอร์กลาสเป็นระยะเวลานาน (มากกว่า 30 ปี) ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นยังสรุปไม่ได้ แต่การวิจัยครั้งนี้พบว่าอาจจะมีความเสี่ยงต่อมะเร็งในระบบทางเดินหายใจที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ทำงานคลุกคลีกับไฟเบอร์กลาสทุกวันๆ
ลิมิตการสัมผัสกับเส้นใยจาก NIOSH
แม้จะมีอันตรายต่อร่างกายจากเส้นใยเล็กๆพวกนี้ สถาบันความปลอดภัยและอนามัยในการทำงานแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (NIOSH หรือ National Institute for Occupational Safety and Health) ได้แนะนำว่าควรนับเส้นใยได้ไม่เกิน 3 เส้นต่อลูกบาศก์เซนติเมตรต่อกะการทำงาน 10 ชั่วโมง NIOSH กล่าวว่าคนงานอาจรู้สึกระคายเคืองในตา ผิวหนัง จมูก คอ หรือหายใจลำบากได้
กราฟข้างล่างนี้เปรียบเทียบกับจำนวนเส้นใยที่ปล่อยออกมาจากแผ่นกรอง HEPA จากการศึกษาข้างต้น
แน่นอนว่าเราก็อยากจะสูดหายใจเส้นใยให้น้อยกว่าลิมิตในที่ทำงานที่ NIOSH แนะนำ ดีที่ว่าจำนวนเส้นใยที่ปล่อยออกมานั้นห่างไกลจากที่ NIOSH ลิมิตไว้มาก ความแตกต่างระหว่างไม่กี่ร้อยกับ 3 ล้านนั้นห่างไกลกันมากทีเดียว
สรุป
แผ่นกรอง HEPA ปล่อยเส้นใยออกมาเล็กน้อยในระยะเวลาการใช้งานของมันซึ่งจะปล่อยออกมามากที่สุดเมื่อเริ่มต้นใช้งานใหม่ๆ ถึงแม้ว่าบางงานวิจัยจะเชื่อมโยงไฟเบอร์กลาสกับมะเร็งแต่ข้อสรุปของงานวิจัยได้เผยให้เห็นว่าเส้นใยนั้นไม่ได้อันตรายไปมากกว่าฝุ่นอื่นๆในอากาศเลย แม้แต่แผ่นกรอง HEPA แกะกล่องใหม่ก็ปล่อยเส้นใยออกออกมาน้อยกว่าหนึ่งในพันของลิมิตที่กำหนดเสียอีก
มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าแผ่นกรองไฟเบอร์กลาสสามารถปล่อยเส้นใยออกมาได้มากกว่าแผ่นกรองสังเคราะห์ แม้ว่าแผ่นกรองทั้งสองประเภทจะปล่อยจำนวนอนุภาคออกมาน้อยมากๆ Smart Air ก็เลือกใช้เส้นใยสังเคราะห์เพื่อลดความเสี่ยงลง Smart Air ใช้วัสดุพลาสติกจำพวก PP+PET ในแผ่นกรอง HEPA ของเราทั้งหมด
เรียนรู้เพิ่มเติม: แผ่นกรอง HEPA ที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์คืออะไร และมันสามารถปกป้องฉันได้อย่างไร
เกี่ยวกับ Smart Air
Smart Air เป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ได้รับการยอมรับโดย B corp ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงมิติทางสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับตำนานที่บริษัทใหญ่ๆที่หวังเพิ่มราคาอากาศบริสุทธิ์
อุตสาหกรรมเครื่องฟอกอากาศนั้นเต็มไปด้วยความต้องการที่จะทำให้อากาศบริสุทธิ์ซับซ้อนและมีราคาแพงเกินความจำเป็น แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น อากาศบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ซับซ้อนเลย เพราะสิ่งเดียวที่ต้องการคือพัดลมและแผ่นกรองอากาศ
บริษัทใหญ่ๆไม่สามารถได้กำไรจากความเรียบง่าย ดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่มลูกเล่นที่ไม่จำเป็นลงไปในเครื่องจักรของเขา
Smart Air ผลิตเครื่องฟอกอากาศแบบเรียบง่ายที่มีการแจกจ่ายข้อมูลอย่างเปิดเผยรองรับการทำงานของเครื่องฟอกอากาศและประสิทธิภาพการทำงานของมันโดยการตัดลูกเล่นทางการตลาดที่แปลกใหม่ออกไป เช่น เครื่องสร้างประจุไอออนและหลอด UV ที่อาจทำให้อากาศของคุณแย่ลง เราสามารถทำให้มีอากาศสะอาดมากขึ้นโดยที่ค่าใช้จ่ายนั้นมีราคาเพียงเศษเสี้ยวของค่าใช้จ่ายที่ “พวกบริษัทใหญ่” จะเรียกเก็บเงินจากคุณ
ติดตามและเพิ่มเราเป็นเพื่อนบนโซเชียลมีเดียเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม